แปลให้ฟังนะคะ เอาแบบคร่าวๆคะ ใครอยากอ่านละเอียดต้องอ่านเองนะ
Karl Lintner, PhD ซึ่งเป็น CEO ของ Sederma บริษัทเจ้าของ Matrixyl เปปไทด์ลดริ้วรอย ได้รับรางวัล เลยมาเล่าให้ฟังในนิตยสาร
จริงๆแล้ว Karl ไม่ได้มุ่งทำงานด้านส่วนผสมเครื่องสำอางมาก่อน แต่ทำงานด้านวิจัย ในอุตสาหกรรมอาหาร โดยพยายามคิดค้น Lotion ที่บำรุงผิวหนังของนมวัว ให้ความชุ่มชื้น หลังจากรีดนมวัว นั่นเป็นขั้นแรกที่เค้ามายุ่งเกี่ยวกับการบำรุงผิว
หลังจากนั้นเลยร่วมกับเพื่อนร่วมงานเค้าอีกคนหนึ่ง เริ่มบริษัท Sederma โดยดำรงตำแหน่ง technical director
เพื่อนเค้าคือ Daniel Greff ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ ค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับนิวเคลียร์
จุดเริ่มต้นมีคนทำงานแค่ 5คน และวันหนึ่ง มีผลการวิจัย เกี่ยวกับ การสังเคราะห์เปปไทด์ ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นให้ร่างกายสังเคราะห์คอลลาเจน โดยในการวิจัยครั้งนั้น เป็นการวิจัยเพื่อการแพทย์ เพื่อกระตุ้นเนื้อเยื่อของปอด ให้สมบูรณ์ขึ้นหลังเป็นแผล เร่งการฟื้นฟูของปอด สมานแผล แต่เมื่อ Karl เห็นผลการวิจัยนี้ เลยสนใจที่จะนำมาทดลองกับผิวของมนุษย์บ้าง เพื่อดูว่าสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้เหมือนในเนื้อเยื่อของปอดหรือเปล่า
หลังจากได้สังเคราะห์เปปไทด์ดังกล่าวขึ้นมาแล้วทดลองดูแล้ว ปรากฎว่าใช้ได้ผล จึงเป็นที่มาของ เปปไทด์ Matrixyl ในวันนี้
สิ่งที่เค้าคิดว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญของการพัฒนาวงการเครื่องสำอาง ในอนาคต คือ
- plant cell ซึ่งเป็นการใช้เซลล์ของพืช ที่สร้างขึ้นมาภายใต้การควบคุมของมนุษย์ มาใช้ในการบำรุงผิว (ตัวอย่างผลิตภัณฑ์นี้คือ Apple Stem Cell)
- non-invasive devices ที่ใช้ร่วมกับการใช้เครื่องสำอาง เช่น micro-needle roller (หรือที่บางคนเรียกว่า derma roller) และ ไฟ LED (ช่วงความยาวของคลื่นแสง บางช่วง มีผลต่อการตอบสนองของผิว)
- cosmetotextiles คือการถักถอใยผ้า โดยสามารถนำสาร moisturizing, UV protection และ anti-perspiration (สารลดเหงื่อ) มาผสมในเส้นใย เพื่อให้เสื้อผ้าทำหน้าที่เป็นเครื่องสำอาง บำรุงผิวในขณะสวมใส่
C7