วิเคราะห์เครื่องสำอางค์

สวัสดีอีกครั้งคะ

เครื่องสำอางค์กลุ่มนึงที่พลาดไม่ได้เลยจริงๆคือ กลุ่ม Vitamin C Serum หรือ Cream หรือ Toner คะ

เริ่มต้นกันสั้นๆเรื่อง Vitamin C ก่อนคะ สาเหตุที่ทุกๆคนชอบ (เรียกว่าบางท่านแทบจะคลั่ง) เพราะว่า
1.สามารถกระตุ้นการสังเคราะห์ Collagen ของผิวหนังได้ดี (คือทาแล้วรู้สึกว่าหน้าเด้งขึ้น ตึงขึ้น)
2.ต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี คือเป็น anti-aging ไปในตัวด้วย
3.มีฤทธิ์ช่วยให้ผิวขาว Whitening โอ้โห อันนี้สาวๆที่ไหนก็ชอบคะ แม้แต่ดิฉันเองก็ทาทุกวัน

วิตามินซี ที่ใช้ในเครื่องสำอางค์เป็นหลัก มี 2 ประเภทคะ

L-Ascorbic Acid หรือสั้นๆว่า LAA

Magnesium Ascorbyl Phosphate สั้นๆว่า MAP

ทั้งสองตัว มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันคะ

LAA มีประสิทธิภาพสูงสุด คือผิวสามารถนำไปใช้ได้เลยคะ เพราะฉะนั้น ทาปุ๊ปไม่นานจะเห็นผลจริงๆคะ แต่ข้อเสียคือ

ไม่ทนต่อการ oxidation เพราะฉะนั้นหากผสมกับน้ำ ภายในไม่นานก็กลายเป็นสีเหลืองหมดประโยชน์ทันที

จะทำงานได้ดี ต้องอยู่ในสภาพที่เป็นกรด pH ประมาณ 3.5-4 เพราะฉะนั้นไม่เหมาะกับคนผิวบางคะ

MAP มีข้อเด่นคือ มีความเสถียร ถูกน้ำก็ไม่เป็นไร และทำงานได้ดีในช่วง pH 6.5-7.5 ทำให้ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้คะ แต่ข้อเสียคือ

ประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจน และทำให้ผิวขาวใส น้อยกว่า LAA (แต่ถ้าใช้ติดต่อหน่อยก็ ok นะคะ)

สรุปว่า เอ่ จะเลือกแบบไหนดี...... เดี๋ยวจะมาอธิบายต่อ พร้อม review ผลิตภัณฑ์ที่นิยมกันแต่ละตัวให้ฟังคะ

ตัวแรก และตัวที่ดีที่สุด (ฟันธงเลยคะ ) คือ Skinceutical C E Ferulic คะ




Skinceutical C E Ferulic เกิดจากการวิจัย หาวิธีการลดการเกิด oxidation ของ Vit C LAA ซึ่งตามปกติอย่างที่เล่าให้ฟังว่า ถ้า vitamin C L-Ascorbic acid (LAA) ซึ่งให้ผลดีกว่า MAP เพราะผิวสามารถนำไปใช้ได้เลย แต่ปัญหาคือ เจอน้ำปุ๊ปจะ oxidize ทันทีซึ่งทำให้หมดประสิทธิภาพ โดย Skinceutical ได้พบว่าหากใช้ Vitamin E และ Ferulic acid ผสมในอัตราส่วนที่เหมาะสม ก็จะช่วยชะลอการ oxidation ได้ (ไม่ได้บอกว่าจะไม่ oxidize เลยนะคะ แต่ oxidize ช้า สังเกตุดู ถ้าใครเคยใช้มาก่อน จะเห็นว่า เนื้อเจลน้ำ หากเก็บไว้นานไปหน่อย >3เดือน จะเห็นว่าเริ่มเป็นสีเหลืองอ่อนๆ นั่นแหละคะ oxidize แล้ว แต่ก็ยังใช้ได้ดีอยู่ แม้ประสิทธิภาพคงลดลงบ้างเล็กน้อย

ได้ตัวอย่างมาตามภาพ 4หลอดเล็ก สังเกตุดูว่า
1.เป็นหลอดสีชา เพราะว่าแสงจากภายนอกจะช่วยเร่งการ oxidation ได้
2.ดูเนื้อเจลดีๆ อันนี้มีสีเหลืองอ่อนๆนิดหน่อย (อ่อนมากๆ) คือพอมาถึงมือเราก็อายุน่าจะประมาณ 4-5เดือนแล้วคะ




Skinceutical ได้จดสิทธิบัตร (patent) ไว้เรียบร้อยสำหรับวิธีการผสมสูตรนี้ ซึ่งหมายถึงว่า อธิบายวิธีอย่างชัดเจน แต่ไม่มีใครสามารถนำไปทำเป็นการค้าได้ (แต่ผสมใช้เองส่วนตัวก็ไม่ผิด เพราะต้นฉบับขายแพงเหลือเกิน ทั้งที่ผสมง่ายๆ) patent: http://www.google.com/patents?id=1HSWAAAAEBAJ&printsec=frontcover&dq=20050154054

สาเหตุที่บอกว่า Skinceutical C E Ferulic ดีที่สุดในตระกูล vitamin c ทั้งหลายคือ
1.เป็น water-based สามารถซึมสู่ผิวได้ง่ายและเร็ว
2.มีส่วนผสมของสารอื่นๆ เช่น Hyaluronic acid ที่ช่วยบำรุงให้ผิวพร้อมสำหรับ vitamin c ที่มีฤทธิ์เป็นกรด
3.นอกจาก vitamin e และ ferulic acid จะช่วยชะลอการ oxidation ของ vitamin c แล้ว ยังช่วย anti-oxidant แก่ผิวด้วย ตัว vitamin e เรารู้อยู่แล้วว่าเป็น anti-oxidant ส่วน ferulic acid นั้น มีผลการวิจัยรับรองชัดเจน (ลองอ่านจาก: http://www.nature.com/jid/journal/v125/n4/full/5603565a.html)


ภาพสุดท้ายอันนี้ แสดงเจตจำนงค์ว่า เตรียมพร้อมก๊อป อิอิ
ขอเวลาซัก 2-3สัปดาห์ จะกลับมาพร้อมกับขั้นตอนการผสมนะคะ เป็นวิธีง่ายๆ และใช้ base เป็น hyaluronic acid (ขออนุญาติใช้ base พร้อมใช้ของ myskinrecipes.com/shop เลย ซึ่งมี base Double Hyaluronic Acid พร้อมใช้อยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำอีก)

ลืมไปคะ อันนี้เป็น ingredient list ของ Skinceutical C E Ferulic นะคะ

Water
Ethoxydiglycol ตัวนี้ทำหน้าที่ช่วยละลาย Vit C LAA และทำให้เนื้อเจลลื่น
L-ascorbic Acid 15% ตัวนี้ active ตัวจริง 15% เต็มๆคะ
Propylene Glycol ตัวนี้ช่วยทำให้เจลลื่นน่าใช้คะ
Glycerin เจลลื่นน่าใช้เช่นกัน
Laureth-23 เนื่องจากมี vitamin e ด้วยซึ่งเป็นน้ำมัน ตัวนี้เป็น emulsifier ที่จะช่วยรวมน้ำเข้ากับน้ำมัน
Alpha Tocopherol ตัวนี้คือ vitamin e ซึ่งเป็นชนิด pure vitamin e มีความหนืดสูงมาก
Phenoxyethanol วัตถุกันเสียคะ
Triethanolamine ตัวนี้เป็นด่าง ไว้ช่วยปรับ pH ให้เหมาะสม ไม่เป็นกรดมากไป เพราะใส่ LAA เยอะเหลือเกิน
Ferulic Acid ตัวนี้ anti-oxidant ที่ได้พูดถึงไปแล้ว
Panthenol ให้ความชุ่มชื้นผิวคะ
Sodium Hyaluronate (หรือ hyaluronic acid นั่นเอง)

วิธีการปรุง จะเขียนไว้ในห้อง สูตรบำรุงผิวนะคะ

ตัวที่สองคะ Cellular Skin RX



ส่วนประกอบ
L-Ascorbic Acid 12%
Butylene Glycol

ตัวนี้มีข้อดีข้อเสียคร่าวๆดัวนี้คะ (ต้องบอกก่อนว่า ไม่เคยใช้คะ ไม่เคยเห็นตัวอย่างเนื้อผลิตภัณฑ์ด้วย)
- LAA ความเข้มข้น 12% ก็ถือว่าเยอะนะคะ แต่ 15% ของ Skinceutical โดยที่ไม่ระคายเคือง ถึงใจมากกว่าแน่นอน
- การใช้ Butylene Glycol เป็น base (แปลว่าต้องใส่ในปริมาณที่สูง) อาจจะก่อให้เกิดการระคายเคืองได้คะ โดยมีผลการศึกษาจากหลายสถาบันยืนยีนว่าสาร glycol ต่างๆ เช่น Butylene Glycol, Propylene Glycol ไม่ควรใช้ในปริมาณมาก เพราะจะทำให้ระคายเคือง
- ราคาไม่แพง ขายต่างประเทศ 30ml ที่ USD38 หรือประมาณไม่เกิน 1200บาทไทย (ถ้าพูดถึงต้นทุน ยังไงก็แพง อย่างมากก็ 150บาท แต่ถ้าเทียบกับเครื่องสำอางค์อื่นๆที่ให้ผลเทียบเท่ากัน ราคานี้ถือว่าไม่แพง

สาเหตุที่ต้องใช้ Butylene Glycol เป็น base แทนที่จะเป็นน้ำ (water-base) เพราะว่า ทาง Cellular Skin RX ไม่มีเทคนิคเหมือน Skinceutical ในการ stabilize L-Ascorbic Acid เลยงดการใช้น้ำเป็นส่วนผสม เพื่อไม่ให้เกิด oxidation

แน่นอนว่า อายุของผลิตภัณฑ์จะยืนยาวกว่า Skinceutical แน่นอน เพราะไม่มีน้ำให้เกิดการ oxidation แต่ก็ขาด Vitamin E และ Ferulic ที่ได้กล่าวไปแล้วว่าจะช่วยเพิ่มพลังให้แก่ Vitamin C ได้มาก (ไม่ใช่ด้านการทำให้ผิวขาว แต่เป็นด้านการฟื้นฟูผิว anti-aging / anti-oxidant)

ตัวสุดท้ายคะ

Kiehl’s Dermatologist Solutions Powerful Strength Line Reducing Concentrate



ส่วนประกอบ:
Propylene Glycol, Cyclopentasiloxane, Ascorbic Acid, Glycerin, Cetyl PEG/PPG-10/1 Dimethicone, Dimethicone Crosspolymer, Lauroyl Lysine, Acrylates Copolymer, Adenosine.

ความแตกต่างจาก Cellular Skin RX คือ ใช้ Propylene Glycol + Cyclopentasiloxane เป็น base แทนคะ โดยหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเช่นเดิม เพื่อไม่ให้เกิด oxidation

Propylene Glycol กับ Butylene Glycol ก็แทบจะไม่ต่างกันคะ ทำหน้าที่เหมือนกัน และถ้าใช้จำนวนมากก็มีโอกาสระคายเคืองผิวได้เช่นกัน ส่วน Cyclopentasiloxane คือ silicone ชนิดระเหยได้เร็วคะ ข้อเสียคือ เคยมีผลการวิจัยกับสัตว์ทดลองว่าสามารถก่อมะเร็งได้หากใช้ในจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่าหากใช้กับมนุษย์จะก่อให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน

L-Ascorbic Acid (LAA) ทาง Kiehl's แจ้งผู้บริโภคว่าใช้ความเข้มข้น 10.5% ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอที่จะเห็นผลหลังใช้ติดต่อกันไม่กี่วัน

ข้อดีข้อเสียก็ไม่ต่างจาก Cellular Skin RX คะ แต่ข้อเสียหนักของอันนี้คือ ...... ราคาโหดมาก ......

มานั่งปูเสื่อ รอชมวิตามิน C อิอิ
ว่าแต่เอามาผสมกับสูตร Double Hyaluronic ไม่ได้เหรอคะ
อยากลองแบบขั้นตอนเดียวจบ เอิ๊กๆ

ขออนุญาติตอบแทนคุณ c7 นะคะ เนื่องจากคุณ c7 เดินทางต่างประเทศ กลับมาอีกทีประมาณสิ้นเดือนนี้คะ

จริงๆแล้วตามสูตรของ Skinceutical C E Ferulic ที่ทางคุณ c7 พูดถึง ก็มีส่วนผสมของ hyaluronic อยู่แล้วคะ เวลาทาเลยรู้สึกลื่นๆผิวดีด้วยคะ (ทีมงาน MySkinRecipes เองก็รอดูอยู่เหมือนกันคะ )

มารายงานตัวคะ ไม่ได้หายไปไหน ยังติดงานอยู่ต่างประเทศคะ สิ้นเดือนกลับแล้วจะเร่งให้เสร็จนะคะ ขอโทษท่านผู้ชมจริงๆค่า

ตาม link นี้เลยนะคะ diy-vitamin-c-serum-recipes-t27.html

ขอบคุณมากๆๆเลยครับ ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลย