Phospholipid
- Product Code: 1169
Phospholipid เกิดจากการนำ lecithin ที่มีองค์ประกอบของ Phosphatidylcholine สูง มาผ่านกระบวนการ Hydrogenation สามารถทำหน้าที่เป็น natural emulsifier สามารถให้ความชุ่มชื้นผิว ลดการระคายเคืองผิวได้เป็นอย่างดี
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
- -
Test Name | Specification |
---|---|
Appearance | Pale yellow to light yellow with faint characteristics odor |
Acid Value | 40 Max |
Iodine Value | 10 Max |
Residue on Ignition | 10% Max |
Loss on Drying | 2.0 Max |
Heavy Metals | 20ppm Max |
Arsenic | 2ppm Max |
Phospholipid เกิดจากการนำ lecithin ที่มีองค์ประกอบของ Phosphatidylcholine สูง มาผ่านกระบวนการ Hydrogenation
สินค้ารายการนี้ไม่เหมาะกับการใช้เป็น emulsifier กรณีต้องการใช้เป็น emulsifier กรุณาเลือกใช้ PhosphoMax™
คุณสมบัติของ Phospholipid
1. เป็น emulsifier ที่มาจากธรรมชาติ (ถั่วเหลือง) โดยมีความเสถียรสูง มีอายุยืนนานกว่า Lecithin ชนิดธรรมดามาก สามารถใช้ในผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายที่ต้องมีอายุอย่างน้อย 2ปี
2. มีลักษณะก่อตัวเป็น Liposome ทำให้สูตรสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
3. ให้ความชุ่มชื้นผิว บำรุงเกราะป้องกันผิว และลดการระคายเคืองผิว เนื่องจากลักษณะที่เป็น Phospholipid ทดแทน หรือเพิ่มเติมให้ไขมันธรรมชาติของผิว
ลักษณะ Liposome ที่ก่อตัวโดย Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) ในสูตรครีม
จากการทดลองการดูดซึมสูตรเข้าสู่ผิว เมื่อมี Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) เป็นองค์ประกอบของสูตร พบว่า สูตรสามารถซึมเข้าสู่ชั้น epidermis (ผิวหนังชั้นนอก) ได้ดีขึ้นถึงประมาณ 5เท่า (จาก 3% เป็น 17%) และชั้น dermis ได้ดีขึ้นถึง 4เท่า (จาก 1% เป็น 4%)
จากการทดลองวัดความชุ่มชื้นของผิว หลังจากครีมที่มีองค์ประกอบของ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) ที่ระดับ 0.8% (เส้นสีชมพู) เทียบกับ ครีมที่ไม่มีองค์ประกอบของ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) (เส้นสีเขียว) และ น้ำบริสุทธิ์ (เส้นสีน้ำเงิน) พบว่า ครีมที่มี Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) 0.8% สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป้นระยะเวลานานอย่างน้อย 60นาที หลังทาลงบนผิว
จากการทดลองวัดความสามารถในการยับยั้งการระคายเคืองผิว โดยใช้แสง UV กระตุ้นให้เกิด PGE2 (สารที่ร่างกายหลั่ง เมื่อเกิดการระคายเคือง)
ภาพอธิบายการทำงานของ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) โดยสามารถยับยั้งการปล่อย cytokines ได้
Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของส่วนผสมลดการระคายเคืองผิว เช่นกลุ่ม Glycyrrhetinate ได้ เมื่อใช้ร่วมกัน โดยการใช้ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) ที่ 2% สามารถช่วยลดการระคายเคืองผิวได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การทดสอบในห้องแลป เพื่อดูสภาพของ corneocyes (เซลล์ผิวชั้นนอกสุดของ ชั้น epidermis) หลังจากถูกระคายเคืองจากสาร SLS ที่ 5% พบว่า Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) ที่ 1% สามารถช่วยลดการระคายเคืองได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำคัญ: การใช้ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) จะต้องปั่นให้กระจายตัวในน้ำ หรือน้ำมัน โดยหากปั่นให้กระจายตัวในน้ำมัน ต้องกระจายตัวที่อุณหภูมิห้อง ห้ามปั่นในน้ำร้อน ซึ่งจะทำให้เกิดการจับตัวเป็นก้อน
คำแนะนำในการใช้:
1. แม้ว่า Phospholipid สามารถทำหน้าที่เป็น emulsifier ได้ แต่ควรเลือกให้ทำหน้าที่เป็น co-emulsifier โดยควรมี emulsifier หลักในสูตร เพื่อทำหน้าที่ประสานเนื้อสูตรด้วย
2. หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนเกิน 80องศา ในกระบวนการสร้างเนื้อครีม ที่มี Phospholipid เป็นองค์ประกอบ
3. ในขั้นตอนการผสม สามารถเติม Phospholipid ทั้งในส่วนของน้ำ หรือส่วนของน้ำมัน โดยปั่นให้กระจายตัวได้ดี แล้วจึงผสมเข้ากับอีกส่วนนึง ตัวอย่างเช่น ผสมเข้ากับน้ำที่อุณหภูมิห้อง ปั่นจนกระจายตัวได้ดี แล้วจึงค่อยๆเติมส่วนของน้ำมันลงในสูตร และปั่นให้เกิดเนื้อครีม หรือ ผสมเข้ากับน้ำมัน ปั่นให้กระจายตัวดี แล้วจึงเติมน้ำลงในสูตร และปั่นให้เข้ากัน
4. สูตรจะต้องมีทั้งน้ำ และน้ำมัน เพื่อให้ Phospholipid สามารถละลายเข้ากับสูตรได้
บริษัทมีจำหน่ายส่วนผสมที่ช่วยนำพา (Penetration Enhancer) ดังนี้
1. Laurocapram (Water-Soluble) ละลายในน้ำ เหมาะสำหรับการนำพาส่วนผสมที่ละลายในน้ำ เป็นสารสังเคราะห์ ไม่มีกลิ่นหรือมีกลิ่นอ่อน
2. Laurocapram (Oil-Soluble) ละลายในน้ำมัน เหมาะสำหรับการนำพาส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน เป็นสารสังเคราะห์ มีกลิ่นอ่อน
3. Phospholipid เหมาะสำหรับการนำพา ทั้งส่วนผสมที่ละลายน้ำ และน้ำมัน เกิดจากการดัดแปลงโครงสร้างของ Soy Lecithin จากธรรมชาติ แต่ผ่านกระบวนการทางเคมี มีจุดเด่น ให้ความรู้สึกผิวที่ดี สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้
4. 1,2-Hexanediol สามารถใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพา โดยใช้ร่วมกับ 1,2,3 โดยมีประโยชน์อื่นๆด้วย เช่น ทำหน้าที่กันเสีย (preservative) ให้สูตร , ช่วยละลายส่วนผสมบางชนิดในสูตร , เป็น humectant ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ักับผิว
5. Ethoxydiglycol สามารถใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพา โดยใช้ร่วมกับ 1,2,3 โดยมีประโยชน์อื่นๆด้วย เช่น ช่วยละลายส่วนผสมบางชนิดในสูตร (ปัจจุบัน อ.ย. มีการกำหนดอัตราการใช้ที่จำกัด กรุณาตรวจสอบกฎเกณฑ์ล่าสุด ก่อนการนำไปใช้ในสูตร)
6. Reservoir-Tech ไม่ใช่สารนำพาโดยตรง แต่เป็นสารสร้าง film บนผิว เพื่อช่วยกักเก็บส่วนผสม active ในสูตร โดยจะค่อยๆปล่อยสาร active เข้าสู่ผิว ทำให้สามารถลดการระคายเคือง สำหรับส่วนผสมบางชนิดเช่น AHA, BHA ไม่สามารถใช้ร่วมกับ 1,2,3 ได้
7. Dimethyl Isosorbide (DMI) สารนำพา ที่มีประวัติการใช้ยาวนาน ทั้งด้านความปลอดภัย และประสิทธิภาพ แต่นิยมใช้เฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์ที่มีราคาสูง เนื่องจาก DMI มีราคาสูงกว่า สารนำพาชนิดอื่นๆ
การใช้: สำหรับผลิตภัณฑ์ครีม โลชั่น และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใดๆ
วิธีการผสม: กระจายตัวในน้ำและน้ำมัน ที่อุณหภูมิห้อง ไม่เกิน 40องศา ห้ามใช้ความร้อน ก่อนการกระจายตัว ความร้อนเกิน 40องศา ก่อนการกระจายตัว จะทำให้ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) จับตัวเป็นก้อนและไม่สามารถใช้งานได้ *เพื่อให้ Phospholipid เกิดประสิทธิภาพ จะต้องปั่นในสูตรด้วยความเร็วอย่างน้อย 1000รอบต่อนาที เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15นาที*
อัตราการใช้: 0.5-3% (การใช้ในอัตราสูง ทำให้สูตรข้นหนืด)
ลักษณะผลิตภัณฑ์: ผงสีเบจอ่อน
การละลาย: สามารถกระจายตัวในน้ำและในน้ำมัน โดยสูตรจะต้องมีทั้งส่วนของน้ำและน้ำมัน เมื่อมีทั้งน้ำและน้ำมันในสูตร แล้วจึงเติม Phospholipid และปั่นให้กระจายตัวจนเป็นเนื้อเดียวกันกับสูตร
การเก็บรักษา: หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในที่เย็นอุณหภูมิ 4°C-8°C โดยมีอายุอย่างต่ำ 24เดือน
INCI Name: Hydrogenated Lecithin
Hydrogenated Lecithin ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมาย ตัวอย่างเช่น
Paula's Choice Radiance Renewal Mask
Estee Lauder ANR eye
CLINIQUE Moisture Surge Extended Thirst Relief
Sulwhasoo Concentrated Ginseng Cream EX
Perricone md re:firm
Be the first to review this product :-)
กระทู้สนทนาล่าสุด:
- › 2023-10-28 รบกวนตรวจสอบสูตรทีครับ
- › 2023-10-21 checkสารสกัดไม่ต้องตอบค่ะ
- › 2023-10-04 สอบถามส่วนผสมของเซรั่มและครีมบำรุงผิวหน้า
- › 2023-09-28 สอบถามแนวทางแก้ไข สูตรวิตามมินซีมีแยกชั้นบางๆ
- › 2023-08-25 water lock
- › 2023-08-01 เช็คส่วนผสม (ทีมงานไม่ต้องตอบนะคะ)
- › 2023-07-26 ขอคำแนะนำช่วยวิเคราะห์สูตรว่ามีปัญหาไหมครับ
- › 2023-07-25 ข้ามได้เลยครับ-เช็คส่วนผสม
- › 2023-07-14 ตรวจส่วนผสมแล้วไม่ตอบ
- › 2023-06-28 ฟอสโฟลิปิดและบาคุชิออล
- › 2023-06-14 WaterSoft
- › 2023-06-01 สาร Penetration Enhancer ใช้หลายตัวร่วมกันได้ไหม
- › 2023-04-08 เชคส่วนผสม
- › 2023-03-18 รบกวนช่วยวิเคราะห์สูตรเครื่องสำอางเซรั่มและครีมค่ะ
- › 2023-02-22 ตรวจสอบส่วนผสม
- › 2023-01-01 เช็คส่วนผสม
- › 2022-12-26 เพิ่มส่วนผสมในสกินแคร์ Bakuchiol 1%กับ dmi 3%
- › 2022-12-22 เช็คส่วนผสม ทีมงานไม่ต้องตอบครับ
- › 2022-12-10 PhosphoMax™ (Natural Phospholipid Emulsifier)
- › 2022-11-29 PhosphoMax™
- › 2021-08-24 สอบถามข้อมูลของวัตถุดิบเครื่องสำอางครับ
- › 2020-07-15 โปรดตรวจสอบส่วนผสม ทีมงานไม่ต้องตอบ
ตัวอย่างสูตรที่ใช้ส่วนผสมนี้:
- › lock_outlineSkin Barrier Cream
- › lock_outlineSalicylic Acid Gel, For Oily-Skin
- › lock_outlinePeptide + DMAE Serum by nt_k
- › lock_outlineVitamin A/E/Whitening Cream by buaploy79
- › lock_outlineBoswellia, Cedar, Starfish Extract, Tocotrienols Eye Cream by Lady_pop2
- › lock_outlineDay & Night Cream by BF
- › lock_outlineA-C-E Serum by Khunchinz
- › lock_outlineYeast Serum
- › lock_outlineOil Control Serum
- › lock_outlineGlycosaminoglycans Night Serum
- › lock_outlineRetinal serum
- › lock_outlineCeramides Lotion
- › lock_outlinePeteempa Serum
- › lock_outlineActivated skincare by polly
- › lock_outlineCeramide, Cholesterol, Sodium Lactate Moisturizer Cream by B U A E L Y N
- › lock_outlineVitamin C E Cream by B U A E L Y N
- › lock_outlineApple Extract Peptide Serum by namcytle
- › lock_outlineFace and Body Cream
- › lock_outlineBright and White Lotion
- › lock_outlineSkin Care Serum by Asmuni
- › lock_outlineSensitive Moisture Cream
- › lock_outlineC E Ferulic Cream
- › lock_outlineMoisturizer Light Gel
- › lock_outlineMoisturizer Cream (Preservative-Free)
- › lock_outlinePerfect Advanced Whitening Serum
- › lock_outlineAKIRIS BIO ESSENCE PRECIOUS SERUM
- › lock_outlinePhetbhum Serum
- › lock_outlineWhitening Cream by amatis811
- › lock_outlineGlycosaminoglycans Serum
- › lock_outlineB U A E L Y N B3 Cream
บริการวิเคราะห์
บริการแลป | ราคา |
---|
Phospholipid เกิดจากการนำ lecithin ที่มีองค์ประกอบของ Phosphatidylcholine สูง มาผ่านกระบวนการ Hydrogenation สามารถทำหน้าที่เป็น natural emulsifier สามารถให้ความชุ่มชื้นผิว ลดการระคายเคืองผิวได้เป็นอย่างดี
Phospholipid เกิดจากการนำ lecithin ที่มีองค์ประกอบของ Phosphatidylcholine สูง มาผ่านกระบวนการ Hydrogenation
สินค้ารายการนี้ไม่เหมาะกับการใช้เป็น emulsifier กรณีต้องการใช้เป็น emulsifier กรุณาเลือกใช้ PhosphoMax™
คุณสมบัติของ Phospholipid
1. เป็น emulsifier ที่มาจากธรรมชาติ (ถั่วเหลือง) โดยมีความเสถียรสูง มีอายุยืนนานกว่า Lecithin ชนิดธรรมดามาก สามารถใช้ในผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายที่ต้องมีอายุอย่างน้อย 2ปี
2. มีลักษณะก่อตัวเป็น Liposome ทำให้สูตรสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
3. ให้ความชุ่มชื้นผิว บำรุงเกราะป้องกันผิว และลดการระคายเคืองผิว เนื่องจากลักษณะที่เป็น Phospholipid ทดแทน หรือเพิ่มเติมให้ไขมันธรรมชาติของผิว
ลักษณะ Liposome ที่ก่อตัวโดย Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) ในสูตรครีม
จากการทดลองการดูดซึมสูตรเข้าสู่ผิว เมื่อมี Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) เป็นองค์ประกอบของสูตร พบว่า สูตรสามารถซึมเข้าสู่ชั้น epidermis (ผิวหนังชั้นนอก) ได้ดีขึ้นถึงประมาณ 5เท่า (จาก 3% เป็น 17%) และชั้น dermis ได้ดีขึ้นถึง 4เท่า (จาก 1% เป็น 4%)
จากการทดลองวัดความชุ่มชื้นของผิว หลังจากครีมที่มีองค์ประกอบของ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) ที่ระดับ 0.8% (เส้นสีชมพู) เทียบกับ ครีมที่ไม่มีองค์ประกอบของ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) (เส้นสีเขียว) และ น้ำบริสุทธิ์ (เส้นสีน้ำเงิน) พบว่า ครีมที่มี Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) 0.8% สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เป้นระยะเวลานานอย่างน้อย 60นาที หลังทาลงบนผิว
จากการทดลองวัดความสามารถในการยับยั้งการระคายเคืองผิว โดยใช้แสง UV กระตุ้นให้เกิด PGE2 (สารที่ร่างกายหลั่ง เมื่อเกิดการระคายเคือง)
ภาพอธิบายการทำงานของ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) โดยสามารถยับยั้งการปล่อย cytokines ได้
Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของส่วนผสมลดการระคายเคืองผิว เช่นกลุ่ม Glycyrrhetinate ได้ เมื่อใช้ร่วมกัน โดยการใช้ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) ที่ 2% สามารถช่วยลดการระคายเคืองผิวได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การทดสอบในห้องแลป เพื่อดูสภาพของ corneocyes (เซลล์ผิวชั้นนอกสุดของ ชั้น epidermis) หลังจากถูกระคายเคืองจากสาร SLS ที่ 5% พบว่า Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) ที่ 1% สามารถช่วยลดการระคายเคืองได้อย่างมีนัยสำคัญ
สำคัญ: การใช้ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) จะต้องปั่นให้กระจายตัวในน้ำ หรือน้ำมัน โดยหากปั่นให้กระจายตัวในน้ำมัน ต้องกระจายตัวที่อุณหภูมิห้อง ห้ามปั่นในน้ำร้อน ซึ่งจะทำให้เกิดการจับตัวเป็นก้อน
คำแนะนำในการใช้:
1. แม้ว่า Phospholipid สามารถทำหน้าที่เป็น emulsifier ได้ แต่ควรเลือกให้ทำหน้าที่เป็น co-emulsifier โดยควรมี emulsifier หลักในสูตร เพื่อทำหน้าที่ประสานเนื้อสูตรด้วย
2. หลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนเกิน 80องศา ในกระบวนการสร้างเนื้อครีม ที่มี Phospholipid เป็นองค์ประกอบ
3. ในขั้นตอนการผสม สามารถเติม Phospholipid ทั้งในส่วนของน้ำ หรือส่วนของน้ำมัน โดยปั่นให้กระจายตัวได้ดี แล้วจึงผสมเข้ากับอีกส่วนนึง ตัวอย่างเช่น ผสมเข้ากับน้ำที่อุณหภูมิห้อง ปั่นจนกระจายตัวได้ดี แล้วจึงค่อยๆเติมส่วนของน้ำมันลงในสูตร และปั่นให้เกิดเนื้อครีม หรือ ผสมเข้ากับน้ำมัน ปั่นให้กระจายตัวดี แล้วจึงเติมน้ำลงในสูตร และปั่นให้เข้ากัน
4. สูตรจะต้องมีทั้งน้ำ และน้ำมัน เพื่อให้ Phospholipid สามารถละลายเข้ากับสูตรได้
บริษัทมีจำหน่ายส่วนผสมที่ช่วยนำพา (Penetration Enhancer) ดังนี้
1. Laurocapram (Water-Soluble) ละลายในน้ำ เหมาะสำหรับการนำพาส่วนผสมที่ละลายในน้ำ เป็นสารสังเคราะห์ ไม่มีกลิ่นหรือมีกลิ่นอ่อน
2. Laurocapram (Oil-Soluble) ละลายในน้ำมัน เหมาะสำหรับการนำพาส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน เป็นสารสังเคราะห์ มีกลิ่นอ่อน
3. Phospholipid เหมาะสำหรับการนำพา ทั้งส่วนผสมที่ละลายน้ำ และน้ำมัน เกิดจากการดัดแปลงโครงสร้างของ Soy Lecithin จากธรรมชาติ แต่ผ่านกระบวนการทางเคมี มีจุดเด่น ให้ความรู้สึกผิวที่ดี สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้
4. 1,2-Hexanediol สามารถใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพา โดยใช้ร่วมกับ 1,2,3 โดยมีประโยชน์อื่นๆด้วย เช่น ทำหน้าที่กันเสีย (preservative) ให้สูตร , ช่วยละลายส่วนผสมบางชนิดในสูตร , เป็น humectant ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ักับผิว
5. Ethoxydiglycol สามารถใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพา โดยใช้ร่วมกับ 1,2,3 โดยมีประโยชน์อื่นๆด้วย เช่น ช่วยละลายส่วนผสมบางชนิดในสูตร (ปัจจุบัน อ.ย. มีการกำหนดอัตราการใช้ที่จำกัด กรุณาตรวจสอบกฎเกณฑ์ล่าสุด ก่อนการนำไปใช้ในสูตร)
6. Reservoir-Tech ไม่ใช่สารนำพาโดยตรง แต่เป็นสารสร้าง film บนผิว เพื่อช่วยกักเก็บส่วนผสม active ในสูตร โดยจะค่อยๆปล่อยสาร active เข้าสู่ผิว ทำให้สามารถลดการระคายเคือง สำหรับส่วนผสมบางชนิดเช่น AHA, BHA ไม่สามารถใช้ร่วมกับ 1,2,3 ได้
7. Dimethyl Isosorbide (DMI) สารนำพา ที่มีประวัติการใช้ยาวนาน ทั้งด้านความปลอดภัย และประสิทธิภาพ แต่นิยมใช้เฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์แบรนด์ที่มีราคาสูง เนื่องจาก DMI มีราคาสูงกว่า สารนำพาชนิดอื่นๆ
การใช้: สำหรับผลิตภัณฑ์ครีม โลชั่น และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใดๆ
วิธีการผสม: กระจายตัวในน้ำและน้ำมัน ที่อุณหภูมิห้อง ไม่เกิน 40องศา ห้ามใช้ความร้อน ก่อนการกระจายตัว ความร้อนเกิน 40องศา ก่อนการกระจายตัว จะทำให้ Phospholipid (Hydrogenated Lecithin) จับตัวเป็นก้อนและไม่สามารถใช้งานได้ *เพื่อให้ Phospholipid เกิดประสิทธิภาพ จะต้องปั่นในสูตรด้วยความเร็วอย่างน้อย 1000รอบต่อนาที เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 15นาที*
อัตราการใช้: 0.5-3% (การใช้ในอัตราสูง ทำให้สูตรข้นหนืด)
ลักษณะผลิตภัณฑ์: ผงสีเบจอ่อน
การละลาย: สามารถกระจายตัวในน้ำและในน้ำมัน โดยสูตรจะต้องมีทั้งส่วนของน้ำและน้ำมัน เมื่อมีทั้งน้ำและน้ำมันในสูตร แล้วจึงเติม Phospholipid และปั่นให้กระจายตัวจนเป็นเนื้อเดียวกันกับสูตร
การเก็บรักษา: หากต้องการเก็บในระยะยาว เก็บในที่เย็นอุณหภูมิ 4°C-8°C โดยมีอายุอย่างต่ำ 24เดือน
INCI Name: Hydrogenated Lecithin
Hydrogenated Lecithin ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมาย ตัวอย่างเช่น
Paula's Choice Radiance Renewal Mask
Estee Lauder ANR eye
CLINIQUE Moisture Surge Extended Thirst Relief
Sulwhasoo Concentrated Ginseng Cream EX
Perricone md re:firm
Mechanism | - |
Appearance | - |
Longevity | - |
Strength | - |
Storage | - |
Shelf Life | - |
Allergen(s) | - |
Dosage (Range) | - |
Recommended Dosage | - |
Dosage (Per Day) | - |
Recommended Dosage (Per Day) | - |
Mix Method | - |
Heat Resistance | - |
Stable in pH range | - |
Solubility | - |
Product Types | - |
INCI | - |
ตะกร้า
ไม่มีสินค้า