สวัสดีคะ
เกี่ยวกับเรื่อง anti-oxidation:
ไม่มีสารใดที่ดีที่สุด แม้ว่าจะวัดประสิทธิภาพเพียงด้านเดียว สาเหตุเนื่องจาก การเกิดประสิทธิภาพจริง อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่าง ซึ่งสภาพแวดล้อมต่างๆส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของการออกฤทธิ์
ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่ผ่านมา ประสิทธิภาพการต้านอนุมูลอิสระ มักจะถูกวัดด้วยค่า Oxygen radical absorbance capacity (ORAC) และ Total radical trapping
Antioxidant potential (TRAP) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ค่าต่างๆเหล่านี้ ถูกวัดในระดับ in vitro ทำให้ประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นจริงเมื่อนำมาใช้ในเครื่องสำอาง มีความแตกต่าง (และไม่เกี่ยวโยง หรือเรียกว่า no-correlation) กับ ค่าที่วัดได้ใน in vitro เลย
องค์ประกอบต่างๆ ลักษณะสูตร มีผลสำคัญ แต่มีผลมากน้อยแตกต่างกันไป ในประสิทธิภาพของสารแต่ละสาร (กล่าวอีก นัยหนึ่ง คือ สมมุติ สาร A มีประสิทธิภาพปานกลางใน in vitro และเมื่ออยู่ใน base X ให้ประสิทธิภาพได้ดี แต่เมื่อมาเทียบกับ สาร B มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมใน in vitro แต่เมื่อมาอยู่ใน base X ให้ประสิทธิภาพแย่)
ในส่วนของการระคายเคืองนั้น :
การระคายเคืองมีหลายรูปแบบ และสาร
ลดการระคายเคืองเดี่ยวๆนั้นไม่มีสารใดแก้ปัญหาการระคายเคืองได้สมบูรณ์แบบ สารพื้นๆ ที่นำมาใช้อย่างเหมาะสม ก็ช่วย
ลดการระคายเคืองได้ ตัวอย่างเช่นกลุ่ม fatty alcohol และด้วยปัญหาการระคายเคืองมีหลายลักษณะและเกิดได้จากหลายสาเหตุ จึงไม่มีสารใดที่แก้ปัญหาการระคายเคืองได้ดีที่สุด เนื่องจากสารแต่ละตัวก็ทำหน้าที่ต่างกัน หากท่านสมาชิกพัฒนาสูตรแก้ปัญหาการระคายเคือง การเลือกใช้ส่วนผสมที่มีราคาสูงๆเช่น Licorice Extract (รวมถึงอาจจะใช้ในปริมาณสูงๆ) โดยในสูตรไม่ได้มีการใช้ส่วนผสมกลุ่ม
moisturizer เลย ก็อาจจะไม่เกิดประสิทธิภาพใดๆเลย หากผู้ใช้ มีปัญหาผิวระคายเคือง โดยมีปัจจัยมาจากความแห้ง ดังนั้นการพัฒนาจึงต้องพิจารณาหลากหลายด้าน โดยปกติ ทีมงานนิยมแนะนำ
Glycyrrhetinic Acid ในสูตรที่ต้องการป้องกันการระคายเคือง หากสูตรนั้นๆมีโอกาสระคายเคืองผิวผู้ใช้ได้ (ทีมงานใช้คำว่า นิยม ต้องการสื่อว่า
Glycyrrhetinic Acid ไม่ได้เป็นสารที่ดีที่สุดคะ)
สำหรับเรื่องการละลาย
L-ascorbic acid ทีมงานได้ตอบไปแล้วในอีกกระทู้ รบกวนท่านสมาชิกงดสอบถามซ้ำคะ