ถามคำถามที่นี่ - เครื่องสำอาง

Luxury Cream Maker 3%
Olive CLEAR 3%
Fractionated Coconut Oil 3%
Ceramide2 0.5%
beta glucan 5%
Japanese Cedar 1%
Plankton GP4G 1.5%
Centella Asiatica 0.5%
Encapsulated Retinol 2%
MOIST24 5%
Mineral Ready 1%
FruitPeel 3%
Silybum Marianum 3%
กันเสีย1%
น้ำให้ครบ100

ผสมLuxury Cream Makerกับน้ำมัน อุ่นให้ร้อน คนให้เข้ากัน ผสมลงในส่วนน้ำ คนให้เข้ากัน

ต้องการเป็นไนท์ครีมเนื้อมีน้ำหนัก ให้ความชุ่มชื้น ป้องกันริ้วรอย ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน

มีส่วนผสมที่เข้ากันไม่ได้ไหมคะ
ตัวสร้างเนื้อเหมาะสมไหมคะ
วิธีผสมถูกต้องไหมคะ ใช้แรงมือคนเพียงพอไหมคะ
ทีมงานมีความเห็นว่าควรปรับตรงไหนบ้างไหมคะ

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีคะ

Mineral Ready มีลักษณะเป็น electrolyte และจะทำให้เนื้อครีมเหลวตัว หรืออาจจะแยกชั้นได้คะ เนื่องจาก Luxury Cream Maker ไม่สามารถทน electrolyte ได้ดีคะ

หากต้อง Mineral Ready ออก สูตรสามารถผสมได้คะ

ถ้าต้องการใช้Mineral Readyต้องเปลี่ยนไปใช้สารอะไรในการสร้างเนื้อคะ ที่จะได้ครีมเนื้อหนักนุ่มชุ่มชื้น ทาตอนกลางคืน

สวัสดีคะ

ท่านสมาชิกสามารถคงสูตรเดิมไว้ โดยใช้ AnyGel หรือ Pro Polymer หรือ Xanthan Gum ที่ 0.5% มาช่วยเพิ่มความคงตัวให้กับสูตร คะ

โดย ให้เลือกตัวใดตัวนึง ปั่นเข้ากับส่วนของน้ำ จนได้เนื้อเจลอ่อนๆ ก่อนผสมขั้นตอนอื่นๆตามปกติคะ

จากที่อ่านในรายละเอียดแจ้งไว้แบบนี้ค่ะ Luxury Cream Maker™ สามารถทน electrolyte ได้ดี โดยเมื่อใช้ในสูตรที่มี electrolyte สามารถเพิ่มสัดส่วนของ Luxury Cream Maker™ เพื่อให้ได้เนื้อครีมที่มีความข้นคงเดิม... คือจะมีปัญหากับ Mineral Ready อยู่หรอคะ คือต้องเพิ่มสารสร้างเนื้อตัวอื่นด้วยใช่ไหมคะ

และถ้าหากเป็นButter Cream Maker™ โดยมีคุณสมบัติพิเศษ สามารถทน electrolyte ได้สูง และช่วง pH กว้างที่ 3-12 สามารถประสานน้ำมันได้ไม่เกิน 30%ใช้ในอัตรา 2-3% จะได้เนื้อครีมเนียนนุ่ม และข้น
หรือSoft Cream Maker™ 5%

จาก cream maker3ตัว ด้านบน ทีมงานเห็นว่าตัวใดเหมาะในการทำไนท์ครีมที่ต้องการความชุ่มชื้นนุ่มหนักเนื้อสวย และเหมาะกับส่วนผสมนี้ที่สุดคะ รบกวนขอคำแนะนำตัวที่ผสมง่ายสุด ขั้นตอนน้อยสุดค่ะ
Cream maker3-5%
Safflower Oil 3%
Fractionated Coconut Oil 3%
Japanese Cedar 1%
Lemon Skin 2%
Encapsulated Retinol 2%
beta glucan 5%
Centella Asiatica 0.5%
Adenosine liquid liposome 1.5%
Ceramide2 0.5%
Plankton GP4G 1.5%
Fucus Film 5%
Phytosterols 1.5%
Mineral Ready 1%
Dimethyl Isosorbide 3%
กันเสีย1%
น้ำให้ครบ100

1มีส่วนผสมที่เข้ากันไม่ได้ไหมคะ

2Encapsulated Retinol ระคายเคืองไหมคะ ทาแล้วจะมีการผิวลอกแดงแบบพวกกรดวิตามินเอรึเปล่า และถ้าผสมแล้วตัวนี้จำเป็นต้องบรรจุบรรจุภัณฑ์แบบสุญญากาศและกันแสงด้วยไหมคะ

3Mineral Ready เป็นพวกแร่ธาตุจะมีปัญหาทำให้สารอื่นเสียสภาพไหมคะ และEDTAที่เราใส่เพื่อจับประจุ ก็จะไปจับกับMineral Ready จนไม่สามารถคงคุณสมบัติไว้หรือไม่คะ

ขออภัยที่ถามย้ำหลายรอบก็เพื่อความแน่ใจนะคะ ยังไม่เคยทำเนื้อครีมเลย และสารแพงด้วยค่ะ กลัวทำเสีย ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีคะ

Luxury Cream Maker สามารถทน electrolyte ได้ดีระดับนึงคะ ทั้งนี้ ในกรณีที่ท่านสมาชิกใช้ Mineral Ready แค่ 1% ทีมงานคิดว่าไม่มีปัญหา อาจจะเพียงแค่ทำให้เนื้อสูตรเหลวตัวขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นคะ

ในขั้นตอนการเติม ส่วนผสมที่เป็น electrolyte ให้เติมในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้นคะ กล่าวคือ ให้ท่านสมาชิกผสมทุกอย่างจนเสร็จและได้เนื้อครีม แล้วจึงเติม Mineral Ready ลงในเนื้อสูตรปั่นหรือคนให้เข้ากันคะ

Butter Cream Maker และ Soft Cream Maker อาจจะไม่สะดวกสำหรับท่านสมาชิก เนื่องจากจำเป็นต้องใช้ความร้อนในการผสมคะ

จากสูตรที่ท่านสมาชิกแจ้งว่า ท่านสมาชิกจะต้องระวัง Phytosterols เนื่องจากมีลักษณะเป็นผง ต้องละลายด้วยความร้อน โดยละลายในน้ำมัน หากละลายได้ไม่สมบูรณ์จะกลายเป็นเม็ดในเนื้อสูตรได้คะ ทั้งนี้ ส่วนผสมรายการที่ไม่สามารถทนความร้อนได้ เช่น Encapsulated Retinol ให้ท่านสมาชิกแยกไว้ เติมลงในเนื้อสูตรในขั้นตอนสุดท้ายคะ

ส่วนผสมทุกรายการสามารถเข้ากันได้คะ
ตามที่ท่านสมาชิกแจ้งว่ายังไม่เคยทำเนื้อครีมเลย ทีมงานเรียนแนะนำว่า ให้เริ่มต้นจากสูตรง่ายๆก่อนคะ

ทดลองทำแล้วค่ะ โดยใช้ Luxury Cream Maker 5% สามารถสร้างเนื้อได้ ออกจะข้นไปนิดด้วยซ้ำ

สอบถามเพิ่มเติมค่ะ
1 จากรายละเอียดของสารทุกตัวรวมกันแล้ว สูตรต้องมีค่าpH5.5-6.5 การวัดpHของเนื้อครีมทำยังไงคะ
2 Encapsulated Retinol ที่ผสมแล้วต้องบรรจุในขวดปั๊มแบบสุญญากาศและกันแสงไหมคะ รายละเอียดบอกการเก็บรักษาแค่หลีกเลี่ยงแสงและอากาศ แต่วิตามินเอตัวอื่นบอกชัดเจนเลยว่าให้บรรจุในขวดที่กันแสงและอากาศ คือทำครีมเนื้อข้นมันใส่ขวดสุญญากาศที่ซื้อมา ใส่ยากมากเลยค่ะเพราะปากขวดมันแคบ ใช้ไซริงค์ดูดครีมก็ไม่ค่อยขึ้น ถ้าสารตัวนี้ไม่จำเป็นต้องกันแสงและอากาศจะได้ใส่กระปุกปิดฝาแบบธรรมดาค่ะครั้งต่อไป
3 จุกปิดไซริงค์แบบล่าสุดไม่ค่อยดีค่ะ ของส่งมารอบนี้จุกฉีกขาด จุกแตกตรงปลายตั้ง3อันค่ะ จุกแบบเดิมตามรูปซ้ายมือดีกว่าค่ะ เหมือนรูด้านในแคบใส่แล้วกระชับยืดหยุ่นดี

สวัสดีคะ

1. การวัดค่า pH ของเนื้อครีม อาจจะทำได้ยากนิดนึงคะ ให้พิจารณาว่า เนื้อครีมเป็นลักษณะที่ล้างออกยากหรือไม่ กันน้ำหรือไม่ ถ้าไม่ได้มีลักษณะล้างออกยาก หรือกันน้ำ ก็อาจจะสามารถจุ่ม pH Meter ลงในเนื้อครีม แล้ววัดตรงๆเลยก็ได้ จากนั้นก็นำมาล้างน้ำกลั่น ตามปกติคะ แต่หากเป็นลักษณะที่ล้างออกยาก อาจจะจำเป็นต้องนำมาผสมกับน้ำส่วนนึง แล้วถึงจะทำการวัดคะ

2. บริษัทแจ้งข้อมูลตรงตามที่ผู้ผลิตแจ้ง คะ สำหรับการกันอากาศและแสง เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วหากสูตรมีสาร active ที่เสื่อมคุณภาพได้ง่าย ดังเช่นในกลุ่ม Vitamin A คะ

3. หากท่านสมาชิกได้รับสินค้าที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ กรุณาส่งภาพถ่ายแจ้งเคลมสินค้ากับทางลูกค้าสัมพันธ์ care@myskinrecipes.com ได้ทันที เมื่อได้รับสินค้าคะ

ทดลองทำสูตรนี้ค่ะ
Luxury Cream Maker5%
Safflower Oil 3%
Fractionated Coconut Oil 3%
Japanese Cedar 1%
Lemon Skin 2%
Encapsulated Retinol 2%
beta glucan 3%
Centella Asiatica 0.5%
Adenosine liquid liposome 1%
Ceramide2 0.5%
Plankton GP4G 1.5%
Fucus Film 5%
Phytosterols 1.5%
Mineral Ready 1%
Dimethyl Isosorbide 3%
กันเสีย1%
น้ำให้ครบ100

รบกวนขอคำแนะนำค่ะ
1 เนื้อครีมทาแล้ว เวลาลูบจะเป็นคราบไคลออกมาค่ะ และไม่รู้สึกลื่นผิว ปรับเนื้ออย่างไรคะ
2 ใช้luxury cream maker5%แล้วเนื้อข้นมากเกินไป ถ้าจะลดลงเป็น3%ทีมงานคิดว่าจะมีปัญหาด้านไหนไหมคะ
3 ทาตอนกลางคืนมาหลายวันแล้ว แต่ไม่รู้สึกเลยว่าผิวชุ่มชื้นขึ้น อยากให้รู้สึกได้ถึงผิวที่นุ่มชุ่มชื้นขึ้นเลยในไม่กี่ครั้งที่ใช้ ควรเพิ่มตัวไหนบ้างคะ (เข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงด้านอื่นต้องใช้เวลา4สัปดาห์ขึ้นไปตามรายละเอียด แต่ด้านความชุ่มชื้นน่าจะรู้สึกเร็วไหมคะ)
-เพิ่มน้ำมันเป็น10%ได้ไหมคะ
-เพิ่มMOIST24 8% และ Seamollient 5% ได้ไหมคะ
4 ต้องการ moisturizer ที่มีคุณสมบัติครบ ทั้ง humectant จาก MOIST24 ,emollient จาก Seamollient, ไม่ทราบว่า ด้าน occlusive ได้จากอะไรบ้างคะ จากน้ำมัน2ชนิดในสูตรนี้ใช่รึเปล่า รึสารไหนบ้างคะ
ขอบคุณมากค่ะ

ขอแก้ที่พิมพ์%ผิดค่ะ
Fucus Film 2.5%
Phytosterols 1%