ถามคำถามที่นี่ - เครื่องสำอาง

สวัสดีค่ะ

คืออยากให้ทางทีมงานช่วยเเนะนำสูตรกันเเดดที่มีค่าSPFสูง ที่เหมาะกับคนที่ทำงานกลางเเดดนานๆ เเละกันน้ำเป็นเนื้อน้ำนมให้ด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีคะ

เรียนแนะนำ ตรวจสอบตัวอย่างสูตร ได้จากหน้ารายละเอียดผลิตภัณฑ์:

SPF Protect Ultra II

Titanium Dioxide 15nm Liquid

คะ ผลิตภัณฑ์กันแดด ที่เกิดจากส่วนผสม ทั้ง 2 รายการนี้ มีความเสถียรต่อแสง UV สูง สามารถทนแสงได้ยาวนาน โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพคะ

ตัวอย่างสูตรกันแดดด้วย SPF Protect Ultra™ II 30%

1. SPF Protect Ultra II 30%

2. Milk Lotion Maker 3%

3. Satin Cream Maker 0.7%

4. Water 65.3%

5. Mild Preserved Eco 1%

ถ้าทำตามสูตรนี้เน้อครีมจะออกมามาประมาณไหนค่ะ เเล้วเวลาเหงืออกครีมที่จะไปจะไหลออกมาเป็นคราบขาวมั้ยค่ะ รบกวนStaff แนะนำด้วยค่ะ พอดีลองทำมาใช้เเล้วครีมออกมาเป็นผลที่ไม่ค่อยพอใจเลยค่ะเเต่ไม่ใช้สูตรที่ทางทีมให้ไปอ่านนะค่ะ ครีมที่เราทำนะตอนทาก็ดีอยู่เเต่พอออกเเดดไปเเล้วเหงื่อออกมาเเล้วเเสบหน้ามาพร้อมกับเป็นคราบขาวที่เเล้วเช็ดออกมันติดเป็นครีมกันเเดดที่ทาไปเลยค่ะ

ตัวอย่างสูตรกันแดดด้วย SPF Protect Ultra™ II 30%

1. SPF Protect Ultra II 30%

2. Milk Lotion Maker 3%

3. Satin Cream Maker 0.7%

4. Water 65.3%

5. Mild Preserved Eco 1%

ถ้าทำตามสูตรนี้เน้อครีมจะออกมามาประมาณไหนค่ะ เเล้วเวลาเหงืออกครีมที่จะไปจะไหลออกมาเป็นคราบขาวมั้ยค่ะ รบกวนStaff แนะนำด้วยค่ะ พอดีลองทำมาใช้เเล้วครีมออกมาเป็นผลที่ไม่ค่อยพอใจเลยค่ะเเต่ไม่ใช้สูตรที่ทางทีมให้ไปอ่านนะค่ะ ครีมที่เราทำนะตอนทาก็ดีอยู่เเต่พอออกเเดดไปเเล้วเหงื่อออกมาเเล้วเเสบหน้ามาพร้อมกับเป็นคราบขาวที่เเล้วเช็ดออกมันติดเป็นครีมกันเเดดที่ทาไปเลยค่ะ

สวัสดีค่ะ

คือจะลองสั่งมาขึ้นสูตรดูเเต่ตัวนี้ไม่มี Mild Preserved Eco™ (Ethylhexylglycerin) สามารถใช้ตัวไหนเเทนได้มั้ยค่ะ เเล้วก็ขอถามอีกนิดนึงว่าสูตรขั้นบนนี้สามารถกันน้ำได้มั้ยค่ะ เวลาเหงื่อออกครีมจะออกมาด้วยมั้ยหรือว่าเป็นคราบขาวหรือป่าว รบกวนช่วยเเนะนำนักปรุงมือใหม่ด้วยนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ
สอบถามค่ะ คือถ้าสูตรตัวนี้ไม่กันน้ำเเล้วเราอยากใส่สารกันน้ำลงไป เราจะใส่อย่างไรเเละควรใส่ในขั้นตอนไหนค่ะเเล้วมีความเเตกต่างอย่างระหว่าง Water-in-Oil EZ™ กับ WaterGuard™ Lite เเละ WaterGuard™ Ultra ค่ะ ช่วยเเนะนำกับอธิบายหน่อยค่ะ คือว่าเราจะสั่งสารกันน้ำมาทั้ง 3 ตัวเลย เเต่อยากถามวิธีผสมก่อนนะว่าจะผสมในขั้นตอนไหนของสูตรที่อยู่ข้างล่างนี้น่ะค่ะ รบกวนหน่อยนะคะ ขอโทษด้วยนะคะที่ถามอะไรเยอะเเยะเเบบนี้เเต่เราอยาทำมาใช้เองจริงๆๆ

ตัวอย่างสูตรกันแดดด้วย SPF Protect Ultra™ II 15%

1. SPF Protect Ultra II 15%

2. Milk Lotion Maker 3%

3. Satin Cream Maker 0.7%

4. Water 80.3%

5. Mild Preserved Eco 1%


ขอบคุณค่ะ

สวัสดีคะ

เเล้วมีความเเตกต่างอย่างระหว่าง Water-in-Oil EZ™ กับ WaterGuard™ Lite เเละ WaterGuard™ Ultra ค่ะ ช่วยเเนะนำกับอธิบายหน่อยค่ะ

Water-in-Oil EZ™ ใช้สำหรับสร้างเนื้อสูตรให้เป็นระบบ Water-in-Oil ซึ่งหมายถึง โมเลกุลของน้ำ จะถูกห่อหุ้มด้วยน้ำมัน ทำให้สูตรสามารถกันน้ำได้ดี เมื่อเทียบกับระบบครีมปกติที่นิยมทั่วไปคือ oil-in-water ที่น้ำ จะห่อหุ้มน้ำมัน ซึ่งให้ความบางเบากว่า แต่การกันน้ำจะทำได้ไม่ดีคะ

WaterGuard™ Lite เเละ WaterGuard™ Ultra ทำหน้าที่สร้างเนื้อฟิล์ม ให้กับสูตร ซึ่งหมายถึง เมื่อทาลงบนผิว WaterGuard™ Lite เเละ WaterGuard™ Ultra จะทำหน้าที่เคลือบฟิล์มบางๆไว้บนผิว เพื่อช่วยกันน้ำให้คะ

WaterGuard™ Lite เเละ WaterGuard™ Ultra ไม่ควรใช้ร่วมกัน เนื่องจากการทำงานเหมือนกัน จะซ้ำซ้อนกันคะ แต่สามารถใช้ร่วมกับ Water-in-Oil EZ™ ได้ เนื่องจากการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกัน สามารถทำให้การกันน้ำทำได้ดีขึ้นคะ

1. SPF Protect Ultra II 15%
2. Milk Lotion Maker 3%
3. Satin Cream Maker 0.7%
4. Water 80.3%
5. Mild Preserved Eco 1%

จากสูตรนี้ สามารถใช้ WaterGuard™ Lite หรือ WaterGuard™ Ultra เพิ่มเติมในสูตร เพื่อช่วยสร้างฟิล์ม กันน้ำได้คะ

สวัสดีคะ

คือลองให้ WaterGuard™ Ultra ตัวนี้เเล้วโดยใส่ 6% เเละปรับลดในส่วนน้ำลงมาจาก 80.3% ให้เหลือ 74.3% พอเอามาทาหน้ารู้สึกว่าหน้าเหนียวมาก
แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้ Water-in-Oil EZ™ ใส่ 2% เเละปรับลดในส่วนน้ำลงมาจาก 80.3% ให้เหลือ 78.3% ได้มั้ยคะ โดยนำมาผสมลงในขั้นตอนที่เอา SPF Protect Ultra II กับ Milk Lotion Maker ผสมกันโดยใช้ความร้อนอยู่ที่ 70 องศา ได้มั้ยค่ะ ผสมเเบบนี้ถูกต้องรึป่าว ของเรามีเครื่องปั่นค่ะ เเนะนำด้วยคะ

ขอบคุณคะ

สวัสดีคะ

คือลองให้ WaterGuard™ Ultra ตัวนี้เเล้วโดยใส่ 6% เเละปรับลดในส่วนน้ำลงมาจาก 80.3% ให้เหลือ 74.3% พอเอามาทาหน้ารู้สึกว่าหน้าเหนียวมาก

ส่วนผสมกลุ่มสารเนื้อฟิล์ม เพื่อกันน้ำ จะมีลักษณะปกติคือ ความเหนอะหนะบนผิว ยิ่งเป็นฟิล์มชนิดที่กันน้ำได้ดี ก็จะยิ่งเกิดความเหนอะหนะได้มาก ซึ่งเป็นลักษณะตามธรรมชาติ ของการทำงานคะ

แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้ Water-in-Oil EZ™ ใส่ 2% เเละปรับลดในส่วนน้ำลงมาจาก 80.3% ให้เหลือ 78.3% ได้มั้ยค

ทำได้คะ แต่ภายใต้ข้อจำกัดเดียวกัน คือ ชนิดที่สามารถกันน้ำได้ดี ก็จะยิ่งเหนอะหนะ ซึ่ง โดยนำมาผสมลงในขั้นตอนที่เอา SPF Protect Ultra II กับ Milk Lotion Maker ผสมกันโดยใช้ความร้อนอยู่ที่ 70 องศา ได้มั้ยค่ะ ผสมเเบบนี้ถูกต้องรึป่าว ของเรามีเครื่องปั่นค่ะ เเนะนำด้วยคะเอง มีความเหนอะหนะน้อยกว่ามาก (ซึ่งหมายถึง ประสิทธิภาพการกันน้ำ เมื่อเทียบกับ WaterGuard™ Ultra ก็จะด้อยกว่าอย่างชัดเจน เช่นกันคะ)

โดยนำมาผสมลงในขั้นตอนที่เอา SPF Protect Ultra II กับ Milk Lotion Maker ผสมกันโดยใช้ความร้อนอยู่ที่ 70 องศา ได้มั้ยค่ะ ผสมเเบบนี้ถูกต้องรึป่าว ของเรามีเครื่องปั่นค่ะ เเนะนำด้วยคะ

ท่านสมาชิกสามารถตรวจสอบวิธีการใช้ Water-in-Oil EZ™ ได้จากในหน้ารายละเอียดผลิตภัณฑ์คะ ผสมในส่วนของน้ำมัน เมื่อเข้ากันดีแล้ว ค่อยๆเติมส่วนของน้ำลงไป ในขณะที่กำลังปั่นอย่างต่อเนื่องคะ

สวัสดีคะ
ขอบคุณสำหรับคำเเนะนำค่ะ งั้นขอสอบถามอีกนิดคะ Water-in-Oil EZ™ กับ WaterGuard™ Ultra ความกันน้ำต่างกันมากน้อยขนาดไหนค่ะถ้าเปรียบเป็น 100 คะเเนน เเล้ว Water-in-Oil EZ™ สามารถใช้ความร้อนได้มั้ยคะ เพราะเท่าที่อ่านดูเค้าบอกว่าให้ใช้กับน้ำมันเเละค่อยๆเติมน้ำลงไป