ถามคำถามที่นี่ - เครื่องสำอาง

ต้องการผสม ของเหลว เกลี่ยง่าย เพื่อทำเป็นสเปรย์ฉีดบริเวณหลัง หลังอาบน้ำ
โดยมีคุณสมบัติคือ ลดรอยดำจากสิว ทำให้ผิวเรียบเนียน สม่ำเสมอ

[A]
2% Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
10% Ethyl Alcohol

[B]
5% Glycolic Acid (AHA) 100% Powder
10% Natural Betaine (Trimethylglycine)
5% Glycerin (Vegetable) 99.5%
1% Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus)
%ที่เหลือ Aqua

ผสม [A] เข้าด้วยกัน,
ผสม [B] เข้าด้วยกัน,
ผสม [A] + [B]

สูตรทำได้หรือไม่ครับ มีอะไรแนะนำเพิ่มเติมไหมครับ

สวัสดีคะ

[A]
2% Salicylic Acid (BHA) กรดซาลิไซลิค
10% Ethyl Alcohol

[B]
5% Glycolic Acid (AHA) 100% Powder
10% Natural Betaine (Trimethylglycine)
5% Glycerin (Vegetable) 99.5%
1% Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus)
%ที่เหลือ Aqua

Salicylic Acid ชนิดธรรมดา จะไม่สามารถละสาย Ethyl Alcohol เพียง 10% ในสูตรนี้ได้คะ โดยสูตรจะมีการตกตะกอนคะ เรียนแนะนำเลือกใช้ Encapsulated Salicylic Acid (Liquid, Timed-Release) แทนคะ (แนะนำใช้เพียง 3% หรือเท่ากับ active BHA 1% เพียงพอแล้วคะ)

Natural Betaine เรียนแนะนำให้ปรับลดลงเหลือ 5% เพียงพอแล้วคะ การใช้ในอัตราที่สูงเกินไป อาจทำให้เกิดความเหนอะหนะของสูตร ซึ่งโดยปกติสเปรย์จะต้องเน้นความบางเบาบนผิวคะ

สงสัยนะครับว่า ทำไมสตาฟแนะนำ Encapsulated Salicylic Acid (Liquid) แทน ทั้งที่ในกระทู้อื่นๆไม่แนะให้ใช้ในสูตรที่ทาทิ้งไว้บนผิวเพราะมีสารซักฟอก เคสนี้ทำไมถึงไม่แนะนำเป็นตัว Salicylic Acid EZ™ แทนหรือครับ

สวัสดีคะ

ทีมงานขอบพระคุณ ที่สอบถามถึงสาเหตุ และขออภัยที่ไม่ได้ให้คำอธิบายโดยละเอียดในตอนแรกคะ

สาเหตุดังนี้คะ

1. Encapsulated Salicylic Acid (Liquid, Timed-Release) มีประสิทธิภาพสูงกว่า Salicylic Acid EZ ด้วยลักษณะโครงสร้างสาร คือสามารถเกาะอยู่บนผิวของผู้ใช้ได้ (มีประจุบวกในตัว) แม้ว่าจะถูกเหงื่อ หรือถูกเช็ดอออก (จากการเสียดสีของเสื้อ)

2. Salicylic Acid EZ ไม่สามารถอยู่ในสูตรสเปรย์ได้ เนื่องจากหากอยู่ในสูตรที่มีของข้นต่ำ และมีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิบ่อย (เย็น-ร้อน) มีโอกาสสูงในการตกตะกอนคะ

3. Encapsulated Salicylic Acid (Liquid, Timed-Release) สามารถระคายเคืองผิวได้มากก็จริงคะ แต่ หากอยู่บนบริเวณหลังแล้ว โอกาสระคายเคืองต่ำมาก เนื่องจากผิวที่หลัง ไม่บอบบางคะ

ผลการใช้ ควบคู่กับการรักษาความสะอาด ตอนนี้ไม่มีสิวที่หลังแล้วครับ
แต่หัวสเปรย์ที่ซื้อไป ฉีดแล้วไม่ค่อยฟุ้ง มันยังพุ่งออกมากองเป็นกระจุกบริเวณผิวครับ

ต้องการปรับปรุงสูตรโดยเน้นไปที่ การรักษารอยดำ ให้ผิวที่หลังกระจ่างใส โดยสูตรที่จะปรับเป็นดังนี้ครับ
สูตรสเปรย์ฉีดหลัง
------------------------
10% Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)
5% Safe-B3™
4% GlucoBright™ (Acetyl glucosamine)
5% Natural Betaine
5% Glycerin (Vegetable) 99.5%
1% Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus)
%ที่เหลือ Aqua

bossanova.kt เขียน:ผลการใช้ ควบคู่กับการรักษาความสะอาด ตอนนี้ไม่มีสิวที่หลังแล้วครับ
แต่หัวสเปรย์ที่ซื้อไป ฉีดแล้วไม่ค่อยฟุ้ง มันยังพุ่งออกมากองเป็นกระจุกบริเวณผิวครับ

ต้องการปรับปรุงสูตรโดยเน้นไปที่ การรักษารอยดำ ให้ผิวที่หลังกระจ่างใส โดยสูตรที่จะปรับเป็นดังนี้ครับ
สูตรสเปรย์ฉีดหลัง
------------------------
10% Azelaic Acid (Liquid Azelaic™)
5% Safe-B3™
4% GlucoBright™ (Acetyl glucosamine)
5% Natural Betaine
5% Glycerin (Vegetable) 99.5%
1% Phenoxyethanol SA (Optiphen Plus)
%ที่เหลือ Aqua

อยากให้รอยทั้งหมดหายภายใน 4 เดือน ใช้สูตรนี้เป็นไปได้ไหมครับ หรือถ้าไม่ได้รบกวนปรับสูตรให้หน่อยครับ

สวัสดีคะ

รอยจากสิวที่เกิดขึ้น และหายแล้ว จะต้องใช้คนละสูตรกับ สูตรเดิมที่ช่วยแก้ปัญหาสิวคะ

ลักษณะสูตรที่ดูแลแก้ไขรอยแดง รอยดำ แนะนำ ใช้ส่วนผสมกลุ่มผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, LHA, PHA คะ ทั้งนี้ หากผิวผ่านการใช้ Azelaic Acid มาระยะหนึ่ง ทีมงานเรียนแนะนำให้ค่อยๆเริ่มใช้ส่วนผสมกลุ่มผลัดเซลล์ผิว ในระดับต่ำๆ ก่อนคะ เนื่องจาก Azelaic Acid เอง สามารถระคายเคืองผิวได้ ซึ่งหากใช้มาระยะนึง ผิวอาจจะอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างอ่อนโยน (sensitive) หากมีการใช้ส่วนผสมใดๆที่ระคายเคืองต่อเนื่องอีก อาจจะระคายผิวมากไปคะ

นอกจากนี้ การใช้ส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นผิว บำรุงผิว เช่น Vitamin B5 ก็จะช่วยให้ผิวสามารถรักษารอยได้ด้วยตัวเองได้เร็วขึ้นด้วยคะ โดยทั่วไป หากผิวสุขภาพดี ระยะเวลา 4 เดือน กับการใช้ส่วนผสมบำรุงผิวให้เต็มที่ เช่น Vitamin ต่างๆ (Vitamin B3 + Vitamin B5 + Vitamin C) อย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้รอยหายไปได้คะ

นอกเหนือจากรอย ในกรณีที่ต้องการให้แผลสมานได้เร็วขึ้น เรียนพิจารณา Zinc PCA คะ

กรณีด้านบน ยังไม่ได้รวมถึงที่เป็นหลุมสิว ซึ่งต้องเลือกใช้ส่วนผสมกลุ่มที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ดี เช่น Vitamin C คะ