ถามคำถามที่นี่ - เครื่องสำอาง

รบกวนตรวจสอบสูตร เซรั่มเบาบางสำหรับผิว ระคายเคืองง่ายเป็นเซ็บเดิร์ม และผื่นผิวหนังผิวแดงง่าย แสบผิว มีความมันบนผิว แต่ผิวขาดน้ำ อยากบำรุงให้ผิวแข็งแรงค่ะ และ ป้องกันริ้วรอยด้วยค่ะ
สอบถามด้วยค่ะว่าในสูตรนี้จะต้องใช้ Mild Preserved หรือเปล่าคะ หรือว่าตัว Witch Hazel ที่ใส่ จะมีสารกันเสียอยู่แล้ว และ ทั้ง2สูตรนี้เราคนมือในบีกเกอร์ ได้ใช่ไหมคะ รบกวนใส่ขั้นตอนการผสมมือให้ด้วยได้ไหมคะว่าจะต้องใส่ส่วนผสมอันไหนก่อนหรือหลัง

Safe-B3™ 10
Panthenol 3
HydroAlgae™ 2
Natural Moisturizing Amino Acids 2
Palmaria Palmata Extract 2
Plankton GP4G™ 2
Ectoine (Ectoin) 2
Natural Bisabolol 1%
Prebio-care 3%
Hyaluronic Acid (Japan) 1%
Repair Activator™ 10
Centella Asiatica Extract 1%
Matrixyl 3000 5%
Glycosaminoglycans Complex 3%
Pure-EGCG™ 1%
Xanthan Gum 1%
Glycerin 99.5% 5%
1,3-Propanediol (Natural) 10
Dimethyl Isosorbide (DMI) 3%
Raffinose 1%
Witch Hazel (Distilled 31
Mild Preserved Eco™ 1%




ส่วนอีกตัวเป็นเซรั่มเจลสำหรับช่วงที่ผิวมีปัญหาเอาไว้ทาผิวป้องกันสิว และรักษาสิวอักเสบและสิวที่เกิดจากเชื้อรา
ตรงนี้สูตรที่ใช้ นาโนซิลเวอร์ 1% สามารถแทนสารกันเสียได้หรือเปล่าคะหรือยังจะต้องใชสารกันเสีย เพื่อป้องกันแบคทีเรียและเชื้อราได้ครอบคลุมกว่า

Urea 3%
Sodium PCA 3
Sodium Lactate 2
Xanthan Gum 1%
Squalane 30
Safe-B3™ 10
Glycyrrhetinic Acid 1
BioSulphur™ EQ 5
Zinc PCA 1%
20nm Silver Pure™1%
Allantoin 0.5
Palmitamide MEA 1%
สารสกัดนมผึ้ง 0.5
Phospholipid 2
Glyceryl glucoside 2
Glycerin 99.5% 5%
Sensitive Cream Maker™ 3%
Mild Preserved Eco™ 1%
น้ำกลั่น ปราศจากเชื้อ 29.5

ขอบคุณค่้ะ

ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นนะคะ

- สูตรที่ 1

1. คิดว่าการใช้ Safe-B3™ 10% จะให้ผลลัพธ์ในการบำรุงผิวที่ไม่ได้มากกว่าการใช้ ที่ 5% ในระดับ 2 เท่านะคะ การใช้ที่ 5% เป็นระดับที่สูงและเพียงพอแล้วสำหรับการหวังผลเรื่องสิว และการบำรุงผิวค่ะ

2. อาจจะลดสารกันเสียลงเป็น 0.5% ค่ะ แต่ Mild Preserved Eco เป็นสารกันเสียที่อ่อนโยนมาก การใช้ 0.5% หรือ 1.0% ก็ไม่ได้ทำให้ระคายเคืองผิวใดๆ ค่ะ และเพื่อความสบายใจว่าจะไม่มีการเสียจากเชื้อโรคแน่นอนก็ใช้ที่ 1% ค่ะ เพราะการผสมเองก็ไม่แน่ใจว่าขั้นตอนในการผสม เครื่องมืออุปกรณ์การผสม บรรจุภัณฑ์ และการจัดเก็บ จะมีความสะอาดที่เพียงพอหรือเปล่าค่ะ

3.ถ้าไม่ต้องการให้สูตรมีความเหนอะหนะ หนึบเหนียวเกินไปเวลาใช้งาน ควรมีน้ำในสูตรอย่างน้อย 60% ค่ะ เพราะจากสูตรมีการเลือกใช้ส่วนผสม moisturizer หลายรายการ อาจจะทำให้เหนอะหนะได้ค่ะ

4.การใช้ Dimethyl Isosorbide (DMI) แนะนำให้เพิ่ม Odor-Kill 1% ในสูตร เพื่อลดกลิ่น DMI ค่ะ

- สูตรที่ 2

1. การใช้ Urea ในสูตร ต้องมีการ Stabilize Urea เพื่อช่วยควบคุม pH ของสูตรให้เหมาะสม ให้อยู่ในช่วง 4-5.5 ทำให้ Urea มีความเสถียรยาวนานขึ้น เช่น Stabilize ด้วย Gluconolactone ค่ะ

2.จากสูตรมีน้ำ 29.5 % + Glycerin 5% = 34.5% คิดว่าจะสามารถละลาย Allantoin ได้ไม่เกิน 0.3% ค่ะ

3. จากข้อมูลการละลายของ Palmitamide MEA จะสามารถละลายในเบสดังต่อไปนี้ ด้วยความร้อน
Olive Oil ที่ความเข้มข้นไม่เกิน 5% โดยใช้ความร้อน 70องศา
Butylene Glycol ที่ความเข้มข้นไม่เกิน 5% โดยใช้ความร้อน 70องศา
pentylene glycol ที่ความเข้มข้นไม่เกิน 5% โดยใช้ความร้อน 70องศา
Ethoxydiglycol ที่ความเข้มข้นไม่เกิน 5% โดยใช้ความร้อน 70องศา
Flora Solve ที่ความเข้มข้นไม่เกิน 5% โดยใช้ความร้อน 70องศา
Flora Solve Clear ที่ความเข้มข้นไม่เกิน 5% โดยใช้ความร้อน 70องศา

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณมากค่ะรบกวนสอบถามเพิ่มเติมดังนี้นะคะ
ขอปรับสูตรเป็นประมาณนี้ได้ไหมคะถ้าเราไม่ซีเรียสเรื่องความหนักบนผิวสูตรนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีหรือเปล่าคะแบบว่ามันจะซึมยากมากไหมพอดีว่าเราไม่อยากใช้ซิลิโคนนะค่ะเพราะว่าเคยแพ้ครีมที่มีส่วนผสมของซิลิโคนเลยไม่แน่ใจว่าถ้าผสมจะมีผลอะไรหรือเปล่า และขอสอบถามว่าเราจะต้องวัดค่าของเซรั่มตัวนี้ pH ให้ได้ประมาณเท่าไหร่คะ

Safe-B3™ 5
Panthenol 3
HydroAlgae™ 2
Natural Moisturizing Amino Acids 2
Palmaria Palmata Extract 2
Plankton GP4G™ 2
Ectoine (Ectoin) 2
Natural Bisabolol 1%
Prebio-care 3%
Hyaluronic Acid (Japan) 1%
Repair Activator™ 10
Centella Asiatica Extract 1%
Matrixyl 3000 5%
Glycosaminoglycans Complex 3%
Pure-EGCG™ 1%
Xanthan Gum 1%
Glycerin 99.5% 3%
1,3-Propanediol (Natural) 3
Dimethyl Isosorbide (DMI) 3%
Raffinose 1%
Witch Hazel (Distilled 45
Mild Preserved Eco™ 1%


สำหรับตัวนี้คือถ้าเติม ตัว Natural PHA 5 เปอร์เซ็นต์คือกำลังพอดีสำหรับการปรับ สภาพยูเรียหรือเปล่าคะ และเมื่อผสมเสร็จจะต้องได้ค่า pH ของผลิตภัณฑ์เท่าไหร่คะ
สำหรับการผสม เราล้างอุปกรณ์และขวดครีมด้วยน้ำสบู่ก่อนหลังจากนั้นเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ แบบนี้ถือว่าพอใช้ได้แล้วใช่ไหมคะสำหรับการใช้เอง ต้องทำอะไรอีกไหมคะถ้าอยากจะเก็บผลิตภัณฑ์ให้ได้สัก 1 ปีนะค่ะ

Urea 3%
Sodium PCA 3
Sodium Lactate 2
Xanthan Gum 1%
Safe-B3™ 10
Glycyrrhetinic Acid 1
BioSulphur™ EQ 5
Zinc PCA 1%
20nm Silver Pure™1%
Allantoin 0.5
สารสกัดนมผึ้ง 0.5
Phospholipid 2
Glyceryl glucoside 2
Glycerin 99.5% 3%
Sensitive Cream Maker™ 3%
Mild Preserved Eco™ 1%
น้ำกลั่น ปราศจากเชื้อ 57.5
Natural PHA (Gluconolactone) 5

แล้วก็ถ้าเราไม่อยากใช้ตัวปรับกลิ่นเราเปลี่ยนDimethyl Isosorbide (DMI) 3% เป็นตัวLaurocapram (Water Soluble)2% แทนได้ไหมคะ
ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีคะ

สำหรับมือใหม่ ทีมงานแนะนำ ให้เริ่มต้นจากการผสมสูตรที่ง่าย และไม่มีส่วนผสมเยอะเกินไป ก่อนคะ

Safe-B3™ 5
Panthenol 3
HydroAlgae™ 2
Natural Moisturizing Amino Acids 2
Palmaria Palmata Extract 2
Plankton GP4G™ 2
Ectoine (Ectoin) 2
Natural Bisabolol 1%
Prebio-care 3%
Hyaluronic Acid (Japan) 1%
Repair Activator™ 10
Centella Asiatica Extract 1%
Matrixyl 3000 5%
Glycosaminoglycans Complex 3%
Pure-EGCG™ 1%
Xanthan Gum 1%
Glycerin 99.5% 3%
1,3-Propanediol (Natural) 3
Dimethyl Isosorbide (DMI) 3%
Raffinose 1%
Witch Hazel (Distilled 45
Mild Preserved Eco™ 1%

สูตรนี้มีปัญหาเรื่องการใช้น้ำมันในสูตร คือ Bisabolol แต่ยังไม่มีตัวช่วยประสาน เนื่องจาก น้ำ และ น้ำมัน จะไม่สามารถเข้ากันได้โดยตรง จะต้องมีตัวประสาน แนะนำ Satin Cream Maker 0.5-1.0% คะ

Urea 3%
Sodium PCA 3
Sodium Lactate 2
Xanthan Gum 1%
Safe-B3™ 10
Glycyrrhetinic Acid 1
BioSulphur™ EQ 5
Zinc PCA 1%
20nm Silver Pure™1%
Allantoin 0.5
สารสกัดนมผึ้ง 0.5
Phospholipid 2
Glyceryl glucoside 2
Glycerin 99.5% 3%
Sensitive Cream Maker™ 3%
Mild Preserved Eco™ 1%
น้ำกลั่น ปราศจากเชื้อ 57.5
Natural PHA (Gluconolactone) 5

สูตรนี้มีปัญหาเรื่องการเลือกใช้ cream maker โดยเนื่องจาก สูตรมีการเลือกใช้ส่วนผสมที่มีความเป็นกรด เช่น Natural PHA ร่วมกับ ส่วนผสมที่มีลักษณะเป็น electrolyte เช่น Sodium Lactate, Zinc PCA ทำให้ต้องเลือกใช้ Cream Maker ชนิดที่สามารถทนได้ดี เช่น Butter Cream Maker คะ

อัตราการใช้ Natural PHA (Gluconolactone) เพื่อที่จะช่วยปรับค่า pH ให้อยู่ในระดับประมาณ 5 เพื่อให้ Urea มีความคงตัวในระยะยาว ไม่สามารถกำหนดตายตัวได้ จะต้องวัดและปรับ ในแต่ละรอบการผลิต คะ ให้ผสมจนเสร็จแล้ววัดค่า pH แล้วค่อยๆเติม Natural PHA ปั่นให้ละลายเข้ากัน และวัดค่า pH ต่อเนื่อง จนได้ค่าที่ต้องการคะ

อีกครั้ง สำหรับมือใหม่ ทีมงานแนะนำ ให้เริ่มต้นจากการผสมสูตรที่ง่าย และไม่มีส่วนผสมเยอะเกินไป ก่อนคะ