ถามคำถามที่นี่ - เครื่องสำอาง

มือใหม่มากค่ะ หลังจากศึกษาค้นคว้าสูตรในเวปมาพักใหญ่แล้ว ขอปรึกษาสูตรที่มือใหม่พอจะผสมเองได้ สำหรับผู้หญิงอายุ 45 ผิวบอบบาง แห้งค่อนไปผสมช่วง T-Zone เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แต่มีการทำเลเซอร์ยกกระชับบ้าง มีริ้วรอยที่หางตาเฉพาะเวลายิ้ม ผิวขาวมีกระและฝ้านิดหน่อย รูขุมขนเริ่มกว้าง ปกติใช้น้ำตบ hyaluronic แบบธรรมดาของ Hada, วิตามินซีเซรั่มร่วมกับ Rosehip oil เป็นหลักอยากทำเซรั่มมาบำรุงเพิ่มเพื่อยกกระชับผิวและรูขุมขน ไม่ทราบสูตรนี้พอจะตอบโจทย์ไหมคะ

Repair Activator 5% (หรือ 10% ดีคะ กลัวจะมัน)​
L-Carnitine (Carnitine) 3%
GlucoBright 4%
Safe-B3 3%
Pal-GHK 5%
Aloe Vera Gel (Lite) 80%

คำถามเพิ่มจากสูตรค่ะ
1. จำเป็นต้องเพิ่ม Reservoir-Tech เพื่อช่วยเรื่องดูดซึมไหมคะ
2. ปกติผิวขาวมากอยู่แล้ว เพราะทากันแดดเป็นประจำตั้งแต่อายุ 16 เนื่องจากผิวบางมาก จำเป็นต้องใส่ GlucoBright กับ Safe-B3 ในสูตรไหมคะ ช่วยเรื่องกระไหมคะ
3. ผสม L-Carnitine เพราะต้องการผลัดผิวแบบอ่อนโยนค่ะ ถูกต้องไหมคะ
3. ส่วนผสมเข้ากันได้กับ Aloe Vera Gel ไหมคะ ไม่กล้าใช้ส่วนผสมมากค่ะ กลัวทำออกมาไม่สำเร็จ

ขอบคุณ​มากค่ะ

สวัสดีคะ

Repair Activator 5% (หรือ 10% ดีคะ กลัวจะมัน)​
L-Carnitine (Carnitine) 3%
GlucoBright 4%
Safe-B3 3%
Pal-GHK 5%
Aloe Vera Gel (Lite) 80%

สูตรสามารถผสมได้นะคะ แต่ระวังเรื่องเนื้อเจลเหลว/อ่อนตัว ให้เหลว แนะนำเพิ่มเติม Pro Polymer 0.5% โดยปั่นหรือคนให้ละลายเข้ากับเนื้อสูตร เนื้อจะข้นขึ้นคะ

Repair Activator เป็นของเหลวเบสน้ำ ไม่ได้เป็นน้ำมัน จึงไม่ได้มัน แต่การใช้ในอัตราสูงๆ อาจมีความเหนอะหนะได้ แต่อัตรา 10% ไม่ได้พบว่ามีปัญหาเรื่องความเหนอะหนะ คะ

คำถามเพิ่มจากสูตรค่ะ
1. จำเป็นต้องเพิ่ม Reservoir-Tech เพื่อช่วยเรื่องดูดซึมไหมคะ
2. ปกติผิวขาวมากอยู่แล้ว เพราะทากันแดดเป็นประจำตั้งแต่อายุ 16 เนื่องจากผิวบางมาก จำเป็นต้องใส่ GlucoBright กับ Safe-B3 ในสูตรไหมคะ ช่วยเรื่องกระไหมคะ
3. ผสม L-Carnitine เพราะต้องการผลัดผิวแบบอ่อนโยนค่ะ ถูกต้องไหมคะ
3. ส่วนผสมเข้ากันได้กับ Aloe Vera Gel ไหมคะ ไม่กล้าใช้ส่วนผสมมากค่ะ กลัวทำออกมาไม่สำเร็จ

"แห้งค่อนไปผสมช่วง T-Zone เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อ"

สูตรนี้ ไม่ได้เหมาะสมกับผิวของท่านสมาชิกนะคะ

1. หากไม่ได้ต้องการผิวขาวเพิ่มเติมอีก ไม่ควรจะต้องเลือกใช้ GlucoBright คะ (อาจใช้ Safe-B3 ได้ เพราะให้ประโยชน์ด้านอื่นๆ ไม่ได้เพียงแค่ความขาวอย่างเดียว)

2. L-Carnitine แม้ว่าช่วยผลัดเซลล์ผิวอ่อนโยนได้ แต่ส่งผลเรื่องลดความมันผิวด้วย ซึ่งผิวของท่านสมาชิกค่อนข้างไปทางแห้งอยู่แล้ว L-Carnitine แม้จะไม่ได้ทำให้ผิวแห้ง แต่หากต้องการเน้นเรื่องการผลัดเซลล์ผิวอย่างเดียว แนะนำตัวเลือกอื่น จะตรงกว่า เช่น FruitPeel , PumpkinRenew , Yeast Resurface คะ

ขอบคุณ​มากค่ะ พอดีอ่านเจอกระทู้​เก่าๆ ส่วนผสมพวกนี้สามารถผสมในน้ำตบ hada labo ที่ใช้อยู่ได้เลยใช่ไหมคะ

สวัสดีคะ

หากเป็นส่วนผสมที่ละลายน้ำ ส่วนใหญ่แล้วจะสามารถเติมลงในสูตรเซรั่มทั่วไปได้ แต่ควรจะตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจด้วยคะ ว่า ส่วนผสมต่างๆในสูตรเซรั่มนั้น

1. ไม่มีส่วนผสมใด ที่จะมีปฎิกิริยา (เข้ากันไม่ได้) ต่อส่วนผสมที่จะเติมเพิ่มเข้าไป

2. ไม่ได้มีส่วนผสมดังกล่าว(ที่จะเติมเพิ่ม) อยู่แล้วในสูตรนั้นๆ (กลายเป็นว่าเติมซ้ำ และไม่ได้ให้ประโยชน์มากขึ้น)

3. ส่วนผสมที่จะเติมนั้น ไม่ได้มีความเป็นกรดหรือด่างมากเกินไป ที่จะไปกระทบต่อค่า pH ของสูตรเดิม ซึ่งอาจมีผลทำให้ส่วนผสมในสูตรเดิมมีปัญหาความคงตัว

4. ส่วนผสมที่จะเติมนั้น ถูกวัตถุประสงค์ ของสูตร (ตัวอย่างเช่น ต้องการให้ได้สูตร whitening สำหรับผิวผสม/ผิวมัน แต่มีการพยายามเติมส่วนผสมกลุ่ม moisturizer ซึ่งไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของสูตร ทำให้ไม่ได้ประโยชน์ตามที่ต้องการ)

ขอบคุณทีมงานค่ะ

สรุปว่าได้ลองผสม active ingredients ดังนี้
Acetyl Hexapeptide-8 10%
Safe-B3 5%
Pal-GHK 5%
Alpha Arbutin 2%
Hada labo 78%

พบว่าผสมเข้ากันได้ดี แต่เมื่อลองทาแล้วออกจะเหนอะหนะ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีจึงจะซึมลงผิวหมดค่ะ

สวัสดีคะ

เนื่องจากมีการใช้ส่วนผสมในอัตราค่อนข้างสูง เป็นปกติที่ทำให้สูตรมีเนื้อหนักขึ้น

วิธีแก้ปัญหาทำได้หลายทาง ตัวอย่างเช่น เติม penetration enhancer เช่น

Dimethyl Isosorbide (DMI)

หรือ เติมส่วนผสมกลุ่ม emollient ที่มีลักษณะบางเบา เช่น Cyclotetrasiloxane ลงในสูตร (จำเป็นต้องมีการประสานให้เข้ากับสูตร ด้วยการใช้ Emulsifier เช่น Light Lotion Maker)

ซึ่งจะช่วยลดความเหนอะหนะของผิวสัมผัสสูตรได้คะ

staff เขียน:สวัสดีคะ

เนื่องจากมีการใช้ส่วนผสมในอัตราค่อนข้างสูง เป็นปกติที่ทำให้สูตรมีเนื้อหนักขึ้น

วิธีแก้ปัญหาทำได้หลายทาง ตัวอย่างเช่น เติม penetration enhancer เช่น

Dimethyl Isosorbide (DMI)

หรือ เติมส่วนผสมกลุ่ม emollient ที่มีลักษณะบางเบา เช่น Cyclotetrasiloxane ลงในสูตร (จำเป็นต้องมีการประสานให้เข้ากับสูตร ด้วยการใช้ Emulsifier เช่น Light Lotion Maker)

ซึ่งจะช่วยลดความเหนอะหนะของผิวสัมผัสสูตรได้คะ

ขอบคุณ​มากๆ เลยสำหรับคำแนะนำค่ะ กำลังศึกษาการแก้ปัญหานี้อยู่พอดีเลยค่ะ ขอถามเพิ่มเติมนะคะ
1.ถ้าเราใช้ Cyclopentasiloxane จะต่างจาก Cyclotetrasiloxane มากไหมคะ ใช้ 5% มากไปไหมคะ
2.ถ้าเราต้องการทำเนื้อครีมด้วยการเพิ่มสารอื่นๆ ลงในส่วนผสมที่ทำไปแล้ว เช่น DPHP 1% และ Fruit Peel 3% และทำเนื้อครีมด้วยการเพิ่ม Natural Oil 20% โดยการใช้ตัวประสานน้ำำ-น้ำมัน Glyceryl Stearate Citrate (3.5%) เป็น Emulsifier และใส่ Mild Preserved Eco 1% เพื่อให้เป็นครีมบำรุงและใช้ง่ายขึ้น ครั้งเดียวจบ (ไม่ต้องตามด้วย Rose Hip Oil) จะสามารถทำได้ไหมคะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

ลืมถามอีกข้อค่ะ เนื่องจาก DMI มีราคาสูง ถ้าจะใช้ Phospholipid ในสูตรครีมที่มีน้ำละลายกับน้ำมันตามข้อ 2 ที่ถามไปจะได้ไหมคะ สั่งเครื่องปั่นครีมขนาดเล็กมาแล้ว อยากจะลองทำดูค่ะ

สวัสดีคะ

1.ถ้าเราใช้ Cyclopentasiloxane จะต่างจาก Cyclotetrasiloxane มากไหมคะ ใช้ 5% มากไปไหมคะ

ถ้าสูตรทาบำรุงผิวทั่วไป ความรู้สึกบนผิวจะแตกต่างกันน้อยมากคะ โดย Cyclotetrasiloxane จะให้ความรู้สึกที่แห้งกว่าบ้าง แต่เล็กน้อยเท่านั้น

2.ถ้าเราต้องการทำเนื้อครีมด้วยการเพิ่มสารอื่นๆ ลงในส่วนผสมที่ทำไปแล้ว เช่น DPHP 1% และ Fruit Peel 3% และทำเนื้อครีมด้วยการเพิ่ม Natural Oil 20% โดยการใช้ตัวประสานน้ำำ-น้ำมัน Glyceryl Stearate Citrate (3.5%) เป็น Emulsifier และใส่ Mild Preserved Eco 1% เพื่อให้เป็นครีมบำรุงและใช้ง่ายขึ้น ครั้งเดียวจบ (ไม่ต้องตามด้วย Rose Hip Oil) จะสามารถทำได้ไหมคะ ขอคำแนะนำด้วยค่ะ

สามารถทำได้ แนะนำให้ลองดูตัวอย่างสูตรที่ใช้ Glyceryl Stearate Citrate สร้างเนื้อครีม จากหน้ารายละเอียดผลิตภัณฑ์ Glyceryl Stearate Citrate คะ

ลืมถามอีกข้อค่ะ เนื่องจาก DMI มีราคาสูง ถ้าจะใช้ Phospholipid ในสูตรครีมที่มีน้ำละลายกับน้ำมันตามข้อ 2 ที่ถามไปจะได้ไหมคะ สั่งเครื่องปั่นครีมขนาดเล็กมาแล้ว อยากจะลองทำดูค่ะ

สูตรที่มีทั้งน้ำ และน้ำมัน ในสูตร สามารถเติม Phospholipid และปั่นให้ละลายเข้ากันในสูตรได้คะ

รบกวนก่อนทำการผสมจริง กรุณาแจ้ง สรุปสูตร ที่ท่านสมาชิกต้องการผสม เพื่อให้ทางทีมงานตรวจสอบให้อีกทีคะ

สูตร 1
ส่วนน้ำมัน:
Rose Hip Oil 20%
Glyceryl Stearate Citrate 3.5%
DPHP 1%
ส่วนน้ำ:
Repair Acrivator 10%
Fruit Peel 3%
Cyclopentasiloxane 5%
Phospholipid 3%
Mild Preserved Eco 1%
น้ำ (ส่วนที่ผสมแล้ว)​ จนครบ 100%

ขั้นตอน
อุ่นส่วนของน้ำมันให้ละลายเข้ากัน ที่ 80 องศา
ผสมส่วนของน้ำให้เข้ากัน จากนั้นอุ่น 80 องศา
ในขณะที่กำลังปั่นส่วนของน้ำ ให้ค่อยๆเติมส่วนของน้ำมันลง
ปั่นต่อเนื่องจนสูตรเย็นลงและเซ็ตตัว

สูตร 2
Rose Hip Oil 20%
Repair Activator 10% (103)
Snail Secretion 5%
Fruit Peel 3%
Cyclopentasiloxane 5%
Phospholipid 3%
Satin Cream Maker™ 1%
Mild Preserved Eco 1%
น้ำ (ส่วนที่ผสมแล้ว) จนครบ 100%

ขั้นตอน
นำส่วนของน้ำทั้งหมดผสมรวมกัน คนให้เข้ากันจนละลาย นำ Satin Cream Maker™ เติมลงไป คนให้เข้ากัน และผสม น้ำมันรวมกัน คนอย่างต่อเนื่อง จะได้เนื้อครีมใน 1-10 นาที

คำถามค่ะ
1) สูตร 1 ตามความตั้งใจแต่แรกคืออยากลองใช้ DPHP ซึ่งให้ผลด้านผิวอิ่มฟู ลดริ้วรอยค่ะ ระหว่างรอคำตอบจาก staff ก็ศึกษาหาความรู้เรื่องส่วนผสมไปเรื่อยๆ ก็พบว่าตัว Matrixyl 3000 5% กับ Argireline 10% น่าจะให้ผลลัพธ์​ด้านนี้เพียงพอแล้ว และการใช้ Glyceryl Stearate Citrate ประสานน้ำกับน้ำมันในสูตรต้องใช้ความร้อนซึ่งอาจจะยากไปสำหรับมือใหม่ จึงลองตั้งสูตรที่ 2 ขึ้นมา เพื่อให้ง่ายต่อการผสม โดยเลือก Snail Secretion มาช่วยเรื่องผิวอิ่มฟู แต่ก็มีความกังวลว่า ครีมที่ได้จะเหนอะหนะไปหรือเปล่า

2) ขอรบกวนคุณ staff ช่วยให้คำแนะนำว่าควรใช้สูตรใดเพื่อแก้ปัญหาความเหนอะหนะ และขอทราบข้อดี ข้อเสียระหว่าง 2 สูตรว่าเป็นอย่างไรคะ

3) หลังจากใช้สาร active ที่ผสมกับ Hada มาสักอาทิตย์นึง​พบว่าผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ เราควรเพิ่มสารอื่นๆ เช่น Repair Activator เพื่อช่วยเรื่องยกกระชับ และ Fruit Peel เรื่องผลัดผิวในครีมที่จะทำนี้ไหมคะ เพราะเหมือนยังขาดสาร active เรื่องนี้อยู่ค่ะ

4) DPHP ถ้าเราเอามาละลายรวมกับลิปมันทำจากขี้ผึ้งที่ใช้อยู่ โดยการใช้ความร้อนผสมเข้าด้วยกันจะได้ไหมคะ เพราะอ่านพบว่าเมื่อผสมในลิปสติกจะช่วยเรื่องของปากอิ่มฟูค่ะ

ขอคำแนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณ​มากค่ะ